หลังหยุดพักผ่อนกันยาว ๆ
ช่วงวันขึ้นปีใหม่ เดี๋ยวเราก็กลับสู่โหมดทำงานเหมือนเดิม
แต่ที่เพิ่มเติมคือเราจะมีสุขภาพดีให้พร้อมทำงานเต็มที่ ตลอดปีและตลอดไป !
รู้สึกเหมือนกันไหมคะว่าปี ๆ หนึ่งผ่านไปเร็วมาก แต่ถึงเวลาจะหมุนเร็วแค่ไหน เราก็ยังต้องทำงานอยู่เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคืออายุจะมากขึ้น ซึ่งก็หมายความว่ามีโอกาสที่สุขภาพจะเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ อีกด้วย
โอ๊ย ! ดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นสักเท่าไรเลยว่าไหมคะ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เรามี 6 ทริคดูแลสุขภาพให้พร้อมทำงานตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะปีใหม่นี้หรือปีไหน ๆ มาให้ลองทำตาม
1. จิบน้ำเพิ่มความสดชื่นแทนกาแฟ
มนุษย์เงินเดือนกับกาแฟเป็นเหมือนของคู่กัน แต่เพื่อสุขภาพที่เฮลธ์ตี้พร้อมทำงานอยู่เสมอ เราก็ไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 2 แก้ว เพราะคาเฟอีนที่มากเกินไปอาจทำให้กระเพาะเกิดอาการระคายเคือง การทำงานของหัวใจเองก็จะผิดปกติ และเมื่อร่างกายรู้สึกไม่สบายก็คงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพสักเท่าไร นำมาซึ่งความเครียดและวิตกกังวลต่าง ๆ นานา
ฉะนั้นต่อไปนี้แนะนำให้เติมความสดชื่นด้วยน้ำอุณหภูมิห้องแทนกาแฟร้อนหรือกาแฟเย็นอย่างที่คุ้นเคย น้ำจะได้เข้าไปเพิ่มออกซิเจนให้เลือด และทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน
2. ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อผ่อนคลายสมองบ้าง
นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์มาตลอดครึ่งเช้า ต่อด้วยช่วงบ่ายอีกสักระยะ วิถีการทำงานแบบนี้อาจทำให้สมองรู้สึกล้า สายตาก็เริ่มพร่ามัว ถ้าอย่างนั้นลองหาโอกาสเดินออกไปนอกอาคาร ให้ร่างกายได้เจอกับอากาศบริสุทธิ์ และเพื่อให้สายตาได้มองออกไปไกล ๆ เป็นการพักสายตาไปในตัว สัก 10-15 นาที แค่นี้ก็เหมือนได้ชาร์จพลังสมองให้กลับไปลุยงานต่อชิล ๆ แล้ว
3. เลือกกินแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ปีที่ผ่าน ๆ มาใครมีของ ว่างยามบ่ายเป็นขนมหวาน ขาไก่ โดนัทเคลือบช็อกโกแลต หรือกล้วยทอด ปีนี้ขอให้เปลี่ยนไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารใหม่ทั้งหมด โดยเลือกกิน แต่อาหารที่ให้โปรตีนสูง อย่างเนื้อสัตว์ ถั่ว อกไก่ หรืออาหารประเภทแป้งไม่ขัดสี ที่จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน เพราะมีไฟเบอร์สูง อีกทั้งยังเป็นคาร์โบไฮเดรต เชิงซ้อน ที่จะช่วยคงระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้หิวบ่อย ๆ หรือหากอยากบำรุงสมอง อาหารประเภทไข่ แซลมอน น้ำมันมะกอก และอะโวคาโดจะช่วยได้
4. ลด ความเครียดด้วยการจัดการที่ดีกว่าเดิม
ยอมรับมาเถอะค่ะว่าที่รู้สึกเครียดอยู่ทุกวันเพราะว่าเราจัดการอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ดังนั้น New Year New You การทำงานตลอดทั้งปีนี้และปีต่อ ๆ ไปจะต้องผ่านกระบวนการคิดและการลำดับความสำคัญจากเราก่อน นั่นก็เพื่อให้เราได้เรียบเรียงสิ่งที่ควรจะต้องทำในแต่ละวัน คราวนี้ก็จะสามารถจัดการชีวิตได้ง่ายขึ้น ความเครียดก็จะลดลง เปลี่ยนเข้าสู่โหมดชีวิตดี๊ดี
5. แบ่งเวลาไปออกกำลังกาย
พอกันทีกับคำว่าไม่มีเวลา ข้อ อ้างต่าง ๆ นานา ที่ทำให้คุณไม่ได้เริ่มต้นออกกำลังกายสักนิดขอให้ลืม ๆ มันไปให้หมด แล้วจัดตารางเวลาสำหรับการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ เชื่อเถอะถ้าทำได้แบบนี้ตลอดไป สุขภาพจะดีขึ้นอย่างที่คุณเองก็รู้สึกได้ชัดเจน
6. ปรับท่านั่งทำงานให้ถูกต้อง เลี่ยงออฟฟิศซินโดรม
หนุ่มสาวออฟฟิศมักจะเลี่ยง การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนาน ๆ ค่อนข้างลำบาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคฮิตมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้นะคะ เพราะแค่รู้จักท่านั่งทำงานที่เหมาะสม รวมทั้งหมั่นพักสายตา และปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับที่พอดี แค่นี้ก็ช่วยป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้พอสมควรแล้ว และหากอยากเจาะลึกท่านั่งทำงานที่ถูกต้องแบบฉบับเป๊ะ ๆ ก็ลองแวะมาดูที่นี่เลย
ปรับ เปลี่ยน…เลี่ยงออฟฟิศซินโดรม
การมีสุขภาพดีขึ้นก็เหมือนได้ให้ของขวัญ ปีใหม่ชิ้นพิเศษกับชีวิต และเมื่อเรามีสุขภาพที่ดี การทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันก็จะแฮปปี้มากขึ้น และนี่แหละคือกำไรชีวิตที่เราสร้างได้ด้วยตัวเราเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
CATALYST, WebMd
รู้สึกเหมือนกันไหมคะว่าปี ๆ หนึ่งผ่านไปเร็วมาก แต่ถึงเวลาจะหมุนเร็วแค่ไหน เราก็ยังต้องทำงานอยู่เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคืออายุจะมากขึ้น ซึ่งก็หมายความว่ามีโอกาสที่สุขภาพจะเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ อีกด้วย
โอ๊ย ! ดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นสักเท่าไรเลยว่าไหมคะ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เรามี 6 ทริคดูแลสุขภาพให้พร้อมทำงานตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะปีใหม่นี้หรือปีไหน ๆ มาให้ลองทำตาม
มนุษย์เงินเดือนกับกาแฟเป็นเหมือนของคู่กัน แต่เพื่อสุขภาพที่เฮลธ์ตี้พร้อมทำงานอยู่เสมอ เราก็ไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 2 แก้ว เพราะคาเฟอีนที่มากเกินไปอาจทำให้กระเพาะเกิดอาการระคายเคือง การทำงานของหัวใจเองก็จะผิดปกติ และเมื่อร่างกายรู้สึกไม่สบายก็คงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพสักเท่าไร นำมาซึ่งความเครียดและวิตกกังวลต่าง ๆ นานา
ฉะนั้นต่อไปนี้แนะนำให้เติมความสดชื่นด้วยน้ำอุณหภูมิห้องแทนกาแฟร้อนหรือกาแฟเย็นอย่างที่คุ้นเคย น้ำจะได้เข้าไปเพิ่มออกซิเจนให้เลือด และทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน
2. ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อผ่อนคลายสมองบ้าง
นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์มาตลอดครึ่งเช้า ต่อด้วยช่วงบ่ายอีกสักระยะ วิถีการทำงานแบบนี้อาจทำให้สมองรู้สึกล้า สายตาก็เริ่มพร่ามัว ถ้าอย่างนั้นลองหาโอกาสเดินออกไปนอกอาคาร ให้ร่างกายได้เจอกับอากาศบริสุทธิ์ และเพื่อให้สายตาได้มองออกไปไกล ๆ เป็นการพักสายตาไปในตัว สัก 10-15 นาที แค่นี้ก็เหมือนได้ชาร์จพลังสมองให้กลับไปลุยงานต่อชิล ๆ แล้ว
ปีที่ผ่าน ๆ มาใครมีของ ว่างยามบ่ายเป็นขนมหวาน ขาไก่ โดนัทเคลือบช็อกโกแลต หรือกล้วยทอด ปีนี้ขอให้เปลี่ยนไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารใหม่ทั้งหมด โดยเลือกกิน แต่อาหารที่ให้โปรตีนสูง อย่างเนื้อสัตว์ ถั่ว อกไก่ หรืออาหารประเภทแป้งไม่ขัดสี ที่จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน เพราะมีไฟเบอร์สูง อีกทั้งยังเป็นคาร์โบไฮเดรต เชิงซ้อน ที่จะช่วยคงระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้หิวบ่อย ๆ หรือหากอยากบำรุงสมอง อาหารประเภทไข่ แซลมอน น้ำมันมะกอก และอะโวคาโดจะช่วยได้
4. ลด ความเครียดด้วยการจัดการที่ดีกว่าเดิม
ยอมรับมาเถอะค่ะว่าที่รู้สึกเครียดอยู่ทุกวันเพราะว่าเราจัดการอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ดังนั้น New Year New You การทำงานตลอดทั้งปีนี้และปีต่อ ๆ ไปจะต้องผ่านกระบวนการคิดและการลำดับความสำคัญจากเราก่อน นั่นก็เพื่อให้เราได้เรียบเรียงสิ่งที่ควรจะต้องทำในแต่ละวัน คราวนี้ก็จะสามารถจัดการชีวิตได้ง่ายขึ้น ความเครียดก็จะลดลง เปลี่ยนเข้าสู่โหมดชีวิตดี๊ดี
พอกันทีกับคำว่าไม่มีเวลา ข้อ อ้างต่าง ๆ นานา ที่ทำให้คุณไม่ได้เริ่มต้นออกกำลังกายสักนิดขอให้ลืม ๆ มันไปให้หมด แล้วจัดตารางเวลาสำหรับการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ เชื่อเถอะถ้าทำได้แบบนี้ตลอดไป สุขภาพจะดีขึ้นอย่างที่คุณเองก็รู้สึกได้ชัดเจน
6. ปรับท่านั่งทำงานให้ถูกต้อง เลี่ยงออฟฟิศซินโดรม
หนุ่มสาวออฟฟิศมักจะเลี่ยง การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนาน ๆ ค่อนข้างลำบาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคฮิตมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้นะคะ เพราะแค่รู้จักท่านั่งทำงานที่เหมาะสม รวมทั้งหมั่นพักสายตา และปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับที่พอดี แค่นี้ก็ช่วยป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้พอสมควรแล้ว และหากอยากเจาะลึกท่านั่งทำงานที่ถูกต้องแบบฉบับเป๊ะ ๆ ก็ลองแวะมาดูที่นี่เลย
ปรับ เปลี่ยน…เลี่ยงออฟฟิศซินโดรม
การมีสุขภาพดีขึ้นก็เหมือนได้ให้ของขวัญ ปีใหม่ชิ้นพิเศษกับชีวิต และเมื่อเรามีสุขภาพที่ดี การทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันก็จะแฮปปี้มากขึ้น และนี่แหละคือกำไรชีวิตที่เราสร้างได้ด้วยตัวเราเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
CATALYST, WebMd