ไขข้อสงสัย...กินยาดักจับไขมันจนถ่ายเป็นมัน แต่ทำไมยังไม่ผอม ?!

เพจหมอแมวตอบชัด กินยาดักจับไขมันจนอุจจาระเป็นมัน แล้วทำไมยังลดน้ำหนักไม่สำเร็จสักที !

          วิธีลดน้ำหนักไม่เคยมีทางลัด ย้ำกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เหมือนหลาย ๆ คนยังไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ ถึงได้มียาดักจับไขมันออกมาจำหน่าย อวดอ้างสรรพคุณว่าช่วยลดน้ำหนักได้ ทว่าสิ่งที่ทุกคนเจอก็แทบจะเหมือนกันค่ะ คือกินยาดักจับไขมันจนจะถ่ายออกมาเป็นน้ำมันก็แล้ว แต่ไหงไม่เห็นจะลดน้ำหนักได้สักที ! เฟซบุ๊กความรู้สนุก ๆ แบบหมอแมว ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กแฟนเพจของ นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา นายแพทย์อายุรศาสตร์ จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยาดักจับไขมันกับการลดน้ำหนักไว้ดังต่อไปนี้...


          คือเห็นบางคนบ่นว่า ทำไมขนาดลงทุนซื้อยาดักจับไขมันมากินจนขี้เป็นมัน ตดเป็นฝอย ลงทุนขนาดนี้แล้ว ทำไมน้ำหนักถึงยังไม่ลงฮวบ

          วันนี้เราจะไม่คุยกันถึงเรื่องว่าทำไมถึงไปหาซื้อยาดักจับไขมันได้ง่าย ๆ แต่เราจะมาคุยกันว่า ทำไมน้ำหนักถึงลงไม่มากดังหวังครับ

1. ยาดักจับไขมัน จับไขมันได้ประมาณ 30% ของที่เรากิน

          ดังนั้น ไขมันอีก 60-70% ยังพอเข้าไปได้อยู่ ถ้าเรากินไขมันเยอะ ๆ ก็ยังได้แคลอรีเข้าไปอยู่

2. คนไทยกินไขมันเฉลี่ย 30% ของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน คิดแบบคร่าว ๆ เรากินวันละ 2,000 kcal เป็นจากไขมัน 600 kcal ดังนั้น ไขมันที่ไล่ออกมาได้ ก็จะตกประมาณ 200 kcal แต่ในความเป็นจริงจะน้อยกว่านี้ เพราะว่า

          - คนที่เริ่มกินยาดักไขมันจำนวนไม่น้อย ลดสัดส่วนอาหารมันลงอยู่ก่อนแล้ว

          - ในผู้หญิง ไขมันที่กินเข้าไปในแต่ละวัน มักจะอยู่ที่ 20-25%

          ดังนั้น ไขมันที่ไล่ออกมาได้จริง ๆ มักจะน้อยกว่า 200 kcal

3. 200 kcal เทียบเท่าน้ำตาล 50 กรัม หรือคิดง่าย ๆ น้ำอัดลม 1.5-2 กระป๋อง, กาแฟ/ชาดำเย็น 2 แก้ว

          พลังงานและสสารไม่หายไปไหน ดังนั้น ถ้าหากใครกินยาดักจับไขมัน แล้วให้รางวัลกับชีวิตด้วยน้ำหวาน...น้ำหนักก็ไม่ลดลง...ดีไม่ดีให้รางวัลมากไปหน่อย น้ำหนักก็ขึ้นไปอีก

          หายสงสัยกันแล้วใช่ไหมคะว่าทำไมกินยาดักจับไขมันเพื่อลดน้ำหนักถึงไม่ค่อยจะเห็นผลว่าผอมลงสักเท่าไร ดังนั้นเพื่อหุ่นดี ๆ ที่ยั่งยืน เปลี่ยนมาควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพิ่มขึ้นกันดีกว่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว